Functional Training ชื่อของการฝึกรูปแบบนี้คือ มุ่งเน้นการเตรียมร่างกายสําหรับการเคลื่อนไหวต่าง ๆ และทำกิจกรรมในชีวิตจริง เป็นอีกรูปแบบที่ผู้ที่ชื่อชอบการออกกำลังกายนิยมทำกันเป็นจำนวนวมาก หลักการนี้แตกต่างจากการฝึกฝนรูปแบบปกติที่จะเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ในการเทรนนิ่งนี้จะเน้นท่าทางที่สะท้อนการเคลื่อนไหวที่คนเราอาจทําได้ที่บ้าน, ที่ทํางาน, หรืออะไรก็แล้วแต่ แต่อะไรที่ทําให้การฝึก ฟังก์ชั่นนอล เทรนนิ่ง แตกต่างจากวิธีการออกกําลังกายอื่นๆ มาดูข้อมูลเกี่ยวกับแนวคิดนี้ให้ละเอียดมากขึ้นกัน
Functional Training คืออะไร
การออกกำลังทั้งร่างกาย เป็นรูปแบบหนึ่งของการออกกําลังกาย ที่ฝึกให้ออกท่าทางคล้ายกับกิจกรรมในชีวิตประจําวัน ไม่เหมือนกับการออกกําลังกายแบบทั่วไปที่เน้นกล้ามเนื้อกลุ่มเฉพาะ การออกกําลังกายรูปแบบนี้ ถูกออกแบบมาให้กล้ามเนื้อและข้อต่อหลายส่วนทํางานร่วมกัน ด้วยท่าทางที่สะท้อนการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง เช่น ย่อตัวลง, ผลัก, ดึง, หรือยก
ประโยชน์
- ความแข็งแรงที่ใช้ได้จริง: แทนที่จะเน้นกล้ามเนื้อเดี่ยวๆ กระบวนการนี้สร้างความแข็งแรงแบบองค์รวม ทำให้ความแข็งแรงสามารถถ่ายโอนไปสู่กิจกรรมประจําวันได้ง่าย ไม่ว่าจะเป็นการยกกล่องหนักหรือเล่นกีฬาอื่น ๆ
- ความคล่องแคล่วและสมดุลที่ดีขึ้น: มันช่วยให้การประสานงานและเกดความคล่องแคล่วว่องไว เช่น การทํา ท่าดัมเบลนั่งย่อ [84] ไม่เพียงทํางานกล้ามเนื้อต้นขา แต่ยังเรียกใช้กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวเพื่อทรงตัวด้วย
- ป้องกันการบาดเจ็บ: โดยการพัฒนาความสามารถของร่างกายในการทํางานอย่างองค์รวม สามารถลดความเสี่ยงของการบาดเจ็บได้ มันส่งเสริมให้ทรงตัวที่ดีขึ้นและช่วยลดแรงกดทับต่อข้อและกล้ามเนื้อ
- ความยืดหยุ่นและการเคลื่อนไหว: ด้วยท่าทางที่ใช้ ทำให้ ช่วงการเคลื่อนไหว [224] ทั้งหมดของข้อต่อ ส่งเสริมความยืดหยุ่น ให้กล้ามเนื้อและข้อเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ
- เพิ่มประสิทธิภาพความจํากล้ามเนื้อ : การมีส่วนร่วมในการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง ฝึกเสริมสร้างสมองให้จํารูปแบบเหล่านี้ได้ เพิ่มความจำของกล้ามเนื้อ [220] ทําให้ง่ายในการต่อยอดการออกกำลังกายอื่น ๆ
องค์ประกอบ
การออกกำลังกายประเภทนี้ รวบรวมการขยับตัวรวมไปถึงข้อต่อและมุ่งเน้นร่างกายให้ทำงานอย่างสัมพันธ์ โดยมันมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
- ใช้การเคลื่อนไหวผสมกัน: วิธีการนี้ทำให้มีส่วนร่วมของกล้ามเนื้อหลายกลุ่มพร้อมกัน ตัวอย่างเช่น ท่าถือบาร์เบลนั่งย่อ [94] ซึ่งทํางานกับกล้ามเนื้อหลัก, หลัง, และขา ถือว่าเป็น การเคลื่อนไหวที่ผสมสาน [162]ได้อย่างลงตัว
- ความสมดุลและเสถียรภาพ: การสร้างรูปแบบการออกกำลังกายใหม่ ๆ อย่างเช่น พื้นผิวที่ไม่สม่ำเสมอจะช่วยให้ท้าทายความสมดุลของร่างกายได้ ด้วยตัวเสริมอุปกรณ์อย่าง ลูกบอลโยคะ [124] ที่เป็นประโยชน์ได้อย่างแน่นอน
- ความอดทนและความแข็งแรง: ในกิจวัตรประจำวันทั่วไปนั้นความอดทนเป็นสิ่งจำเป็นมันจึงมักข้องเกี่ยวกับการออกกำลังกายรูปแบบ การฝึกพลังกล้ามเนื้อ (166) อันเป็นส่วนประกอบเสริมสร้างความทนทานเพื่อให้การออกกำลังกายได้อย่างครอบคลุม
- ความยืดหยุ่น: การยืดเหยียดและ การยืดแบบไดนามิค (198) มีความสําคัญเพื่อให้แน่ใจว่าร่างกายมีความยืดหยุ่นพร้อมกับทุกช่วงท่าการเคลื่อนไหว
อุปกรณ์ที่ใช้ใน Functional Training
การใช้อุปกรณ์ร่วมกับการออกกำลังกายประเภทนี้ สามารถเพิ่มประสิทธิภาพของการฝึกได้เป็นอย่างดี เช่น
- อุปกรณ์ที่เสริมน้ำหนัก : เครื่องมือที่เสริมน้ำหนัก ความสามารถหลากหลายและเหมาะสําหรับการออกกําลังกายที่มุ่งเน้นทั้งร่างกาย ซึ่งเสริมสร้างพละกำลังและสมดุล เช่น ลูกตุ้มน้ำหนัก (112) ช่วยให้เพิ่มน้ำหนักมากขึ้นและมีช่วงเคลื่อนไหวที่อิสระ
- อุปกรณ์ที่เสริมแรงต้าน : อุปกรณ์ที่ช่วยเพิ่มแรงต้าน สร้างการฝึกที่เข้มข้นมากขึ้น เช่น สายรัดออกกำลังกาย (111) นอกจากพกพาง่ายแล้ว ยังช่วยการออกกำลังกายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- อุปกรณ์ที่ช่วยส่งเสริมช่วงบนและล่าง : ให้การออกกําลังกายของกล้ามเนื้อส่วนบนและล่างมีส่วนร่วมกันอย่างครอบคลุม เช่น กรรเชียงบก (116) มีมือจับช่วยในการเคลื่อนไหวและควบคุมการทรงตัวของส่วนบน และด้านล่างเสริมแรงต้านให้กับช่วงขา
ความแตกต่างระหว่าง ฟังก์ชั่นนอล เทรนนิ่ง กับการออกกําลังกายแบบดั้งเดิม
ประเภทการออกกำลังกายทั้งสองอย่างนี้ มีความแตกต่างกันอยู่ที่การประยุกต์ใช้ การออกกำลังกายแบบดั้งเดิมจะเน้นการใช้กล้ามเนื้อเฉพาะส่วน เช่น ท่าไบเซ็ปเคิร์ล (87) แต่ฟังก์ชั่นนอล เทรนนิ่งได้ใช้กล้ามเนื้อทุกส่วนทำงานสัมพันธ์กันและฝึกด้วยท่าทางมากมายในหลาย ๆ ทิศทาง ทำให้คุณได้รับประสบการณ์ออกกำลังที่ครบถ้วนทุกสัดส่วน
มากกว่าทศวรรษแล้วที่การออกกำลังกายแบบนี้ ได้กําหนดทิศทางใหม่ให้กับวิธีคิดเกี่ยวกับสุขภาพของเรา แทนที่จะเพียงแค่ไล่ตามขนาดกล้ามเนื้อหรือความแข็งแรงเฉพาะจุด แต่ช่วยทำให้บุคคลนั้น ๆ ได้มีพื้นฐานร่างกายแข็งแรง จนถึงการปรับปรุงสมดุลและความคล่องแคล่วที่สามารถใช้ได้จริงในกิจวัตรประจำวัน เมื่อเรารวมการฝึก Functional Training กับเครื่องมือต่าง ๆ เช่น เคตเทิลเบลล์หรือ สายยางรัดออกกำลังกาย เสริมให้การออกกําลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น การฝึกนี้เตรียมร่างกายไม่เพียงแค่ทำให้รูปร่างของคุณดูดี แต่ยังสามารถทํางานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในงานและสถานการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจําวันด้วย
คําถามที่พบบ่อย
1. เป้าหมายหลักของประเภทออกกำลังกายนี้คืออะไร
เป้าหมายหลักของการฝึก คือการเตรียมพร้อมร่างกายสำหรับการเคลื่อนไหวและกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตจริง โดยเน้นที่ความแข็งแรงแบบภาพรวมมากกว่าเน้นกล้ามเนื้อเฉพาะจุด
2. มันแตกต่างจากการออกกําลังกายแบบทั่วไปในฟิตเนสซ์อย่างไร
การออกกําลังกายแบบทั่วไปในฟิตเนสมักเน้นกล้ามเนื้อกลุ่มเฉพาะ ในขณะที่การออกกําลังกายแบบ Functional ออกแบบมาให้กล้ามเนื้อและข้อต่อหลายส่วนทํางานร่วมกัน สะท้อนการเคลื่อนไหวในชีวิตจริง
3. เราสามารถใช้เครื่องมือร่วมกับการฝึกโปรแกรมนี้ได้ไหม
คุณสามารถทำได้ อุปกรณ์อย่างเช่น เคตเทิลเบลล์ มันยอดเยี่ยมมากสําหรับการฝึก เนื่องจากสามารถพลิกแพลงท่าทางได้หลากหลาย มีส่วนในการเสริมสร้างทั้งความแข็งแรงและสมดุลของร่างกาย
4. มือใหม่สามารถฝึกโปรแกรมนี้ได้ไหม
โปรแกรมนี้เหมาะสมอย่างยิ่ง มันสามารถปรับให้เข้ากับบุคคลทุกระดับความฟิต รวมถึงคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้วย
อ้างอิง :
- Planet Fitness – What Is Functional Fitness Training? A Beginner’s Guide To Functional Workouts And Strength Training. https://www.planetfitness.com/community/articles/functional-fitness-training
- Anytime Fitness – What Is Functional Training? https://www.anytimefitness.com/ccc/ask-a-coach/what-is-functional-training-everything-you-need-to-know-to-get-started/
- Self – What Functional Training Is and Why It’s Important. https://www.self.com/story/what-functional-training-is-why-its-important
- Frontiers Media – “Functional Fitness Training”, CrossFit, HIMT, or HIFT: What Is the Preferable Terminology? https://www.frontiersin.org/articles/10.3389/fspor.2022.882195/full